การตื่นกลางดึกบ่อยๆ อาจส่งผลเสียได้อย่างมาก และทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและมึนงงในวันรุ่งขึ้น การสร้างกิจวัตรประจำวันที่สม่ำเสมอและเอื้อต่อการนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญในการลดการตื่นกลางดึกเหล่านี้และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มอย่างแท้จริง บทความนี้จะเจาะลึกกลยุทธ์และนิสัยที่เป็นประโยชน์ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อส่งเสริมสุขอนามัยในการนอนหลับที่ดีขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดการรบกวนในตอนกลางคืน มาเจาะลึกขั้นตอนต่างๆ ที่คุณสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับและตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นกัน
⏰ทำความเข้าใจถึงความสำคัญของตารางการนอนหลับที่สม่ำเสมอ
ร่างกายของเราทำงานตามวัฏจักรธรรมชาติ 24 ชั่วโมงที่เรียกว่าจังหวะชีวภาพ ซึ่งควบคุมกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ รวมถึงการนอนหลับ การรักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอจะช่วยปรับนาฬิกาภายในให้ตรงกัน ทำให้นอนหลับและตื่นตรงเวลาได้ง่ายขึ้น รูปแบบการนอนที่ไม่สม่ำเสมออาจรบกวนจังหวะชีวภาพ ส่งผลให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่องและตื่นกลางดึกบ่อยขึ้น
การเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับของคุณได้อย่างมาก ความสม่ำเสมอนี้ช่วยควบคุมการหลั่งของฮอร์โมน เช่น เมลาโทนิน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการง่วงนอน และคอร์ติซอล ซึ่งช่วยให้คุณตื่นนอนได้ เมื่อฮอร์โมนเหล่านี้ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม คุณจะมีแนวโน้มที่จะนอนหลับได้ลึกและพักผ่อนได้มากขึ้น
หากคุณมีปัญหาในการรักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอเนื่องจากงานหรือภารกิจอื่นๆ ให้พยายามค่อยๆ ปรับเวลาเข้านอนและเวลาตื่นนอนทีละ 15-30 นาทีจนกว่าจะถึงตารางเวลาที่ต้องการ แนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้จะช่วยให้ร่างกายของคุณปรับตัวได้ง่ายขึ้น
☀️ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการนอนหลับของคุณให้เหมาะสมที่สุด
สภาพแวดล้อมในการนอนหลับมีบทบาทสำคัญในการกำหนดคุณภาพการพักผ่อนของคุณ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนหลับนั้นต้องลดสิ่งรบกวนให้เหลือน้อยที่สุดและปรับปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิ แสง และเสียงให้เหมาะสม ห้องที่มืด เงียบ และเย็นถือเป็นห้องที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการส่งเสริมการนอนหลับ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องนอนของคุณมืดโดยใช้ม่านหรือมู่ลี่บังแสงจากภายนอก แม้แต่แสงเพียงเล็กน้อยก็สามารถรบกวนการผลิตเมลาโทนินได้ ลองใช้ที่อุดหูหรือเครื่องสร้างเสียงรบกวนเพื่อกลบเสียงรบกวน อุณหภูมิที่สบาย โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 15-19 องศาเซลเซียส (60-67 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการส่งเสริมการนอนหลับเช่นกัน
ลงทุนซื้อที่นอน หมอน และเครื่องนอนที่สบายเพื่อรองรับร่างกายของคุณและส่งเสริมการผ่อนคลาย ที่นอนที่รองรับได้ดีสามารถบรรเทาจุดกดทับและป้องกันความไม่สบายที่อาจนำไปสู่การตื่นกลางดึก ทดลองใช้หมอนหลายประเภทเพื่อค้นหาประเภทที่รองรับคอและศีรษะของคุณอย่างเหมาะสม
☕การจัดการอาหารและการดื่มน้ำ
สิ่งที่คุณกินและดื่มตลอดทั้งวันอาจส่งผลต่อการนอนหลับของคุณได้อย่างมาก อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดอาจขัดขวางความสามารถในการนอนหลับหรือการนอนหลับต่อเนื่อง การใส่ใจนิสัยการรับประทานอาหารและการดื่มน้ำของคุณจะช่วยให้คุณพักผ่อนได้เต็มที่และตื่นนอนน้อยลง
หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้คุณนอนไม่หลับ ในขณะที่แอลกอฮอล์อาจทำให้คุณรู้สึกง่วงนอนในช่วงแรก แต่สามารถรบกวนการนอนหลับของคุณได้ในช่วงดึก ควรจำกัดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนจนทำให้ต้องตื่นกลางดึก
ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนเข้านอน เพื่อลดความจำเป็นในการตื่นมาปัสสาวะ หากคุณตื่นบ่อยเพื่อเข้าห้องน้ำ ให้พยายามจำกัดการดื่มน้ำในช่วงเวลาหลายชั่วโมงก่อนเข้านอน
🧘การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย
ความเครียดและความวิตกกังวลสามารถส่งผลต่อการนอนหลับได้ การใช้เทคนิคการผ่อนคลายก่อนนอนจะช่วยให้จิตใจสงบและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการนอนหลับ เทคนิคเหล่านี้สามารถช่วยลดความตึงเครียดและส่งเสริมความรู้สึกสงบสุขได้
ลองฝึกหายใจเข้าลึกๆ ทำสมาธิ หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน การหายใจเข้าลึกๆ คือการหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ เพื่อสงบระบบประสาท การทำสมาธิช่วยให้จิตใจสงบและลดความคิดที่พลุ่งพล่านได้ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วนคือการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อกลุ่มต่างๆ เพื่อคลายความตึงเครียด
ลองอาบน้ำอุ่นหรืออาบน้ำก่อนนอน น้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดอุณหภูมิร่างกาย ส่งสัญญาณไปยังร่างกายว่าถึงเวลาเข้านอนแล้ว การอ่านหนังสือหรือฟังเพลงผ่อนคลายก็ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเตรียมตัวเข้านอนได้เช่นกัน
📱จำกัดเวลาหน้าจอก่อนนอน
แสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ อาจรบกวนการผลิตเมลาโทนินและรบกวนการนอนหลับ การจำกัดเวลาหน้าจอก่อนนอนเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมรูปแบบการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ แสงสีฟ้าสามารถหลอกสมองของคุณให้คิดว่าเป็นเวลากลางวัน ทำให้นอนหลับยากขึ้น
พยายามหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างน้อยหนึ่งหรือสองชั่วโมงก่อนเข้านอน หากคุณต้องใช้หน้าจอ ควรพิจารณาใช้ตัวกรองแสงสีฟ้าหรือแอปที่ช่วยลดปริมาณแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมา ตัวกรองเหล่านี้สามารถช่วยลดผลกระทบที่รบกวนการนอนหลับของแสงสีฟ้าได้
แทนที่จะเลื่อนดูโซเชียลมีเดียหรือดูทีวี ลองทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับโดยไม่ต้องสัมผัสกับแสงสีฟ้า
💪ออกกำลังกายและทำกิจกรรมทางกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำสามารถช่วยให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นได้ แต่การออกกำลังกายในเวลาที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การออกกำลังกายใกล้เวลานอนมากเกินไปอาจส่งผลตรงกันข้ามและทำให้นอนหลับยากขึ้น ควรออกกำลังกายตั้งแต่เช้าเพื่อให้นอนหลับสบายมากขึ้น
การออกกำลังกายช่วยปรับจังหวะการทำงานของร่างกายและลดระดับความเครียด ซึ่งจะช่วยให้หลับสบายขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบหนักหน่วงในช่วงเย็น เพราะอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วและอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ยากขึ้น
การออกกำลังกายเบาๆ เช่น โยคะหรือการยืดเส้นยืดสายอาจเป็นประโยชน์ในตอนเย็น เนื่องจากจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและส่งเสริมความรู้สึกสงบ กิจกรรมประเภทนี้สามารถเป็นส่วนเสริมที่ดีในกิจวัตรก่อนนอนของคุณได้
📝การเขียนไดอารี่และการมีสติ
บางครั้ง ความคิดที่พลุ่งพล่านและความวิตกกังวลอาจทำให้เรานอนไม่หลับได้ การเขียนบันทึกก่อนนอนเป็นวิธีที่ดีในการจัดการกับความคิดเหล่านี้และทำให้จิตใจปลอดโปร่ง การเขียนความกังวล รายการสิ่งที่ต้องทำ หรือแม้แต่ประสบการณ์ดีๆ ลงไปจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมเข้านอนมากขึ้น
การฝึกสติ เช่น การจดจ่ออยู่กับลมหายใจหรือความรู้สึกต่างๆ ของร่างกาย สามารถช่วยสงบจิตใจและลดความเครียดได้ การฝึกสติเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีสติอยู่กับปัจจุบัน แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับอดีตหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต แม้เพียงไม่กี่นาทีของการฝึกสติก็ช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายขึ้นอย่างมาก
ลองรวมการเขียนไดอารี่เข้ากับการฝึกสติเพื่อให้มีกิจวัตรก่อนนอนที่มีประสิทธิภาพ เขียนความคิดของคุณลงไป จากนั้นใช้เวลาสักสองสามนาทีเพื่อโฟกัสที่ลมหายใจของคุณ ปล่อยให้ร่างกายผ่อนคลายและจิตใจสงบลง
🩺การจัดการกับภาวะทางการแพทย์ที่เป็นพื้นฐาน
การตื่นกลางดึกบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณของอาการป่วยบางอย่างได้ อาการต่างๆ เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ โรคขาอยู่ไม่สุข และอาการปวดเรื้อรัง ล้วนแต่รบกวนการนอนหลับ หากคุณสงสัยว่าอาการป่วยบางอย่างอาจเป็นสาเหตุของปัญหาการนอนหลับของคุณ คุณควรไปพบแพทย์
แพทย์สามารถช่วยวินิจฉัยโรคเบื้องต้นและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมได้ การจัดการกับโรคเหล่านี้สามารถปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับของคุณได้อย่างมากและลดการตื่นกลางดึก อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณกังวลเกี่ยวกับการนอนหลับของคุณ
ในบางกรณี การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือการใช้ยาเพียงเล็กน้อยอาจเพียงพอที่จะควบคุมอาการเบื้องต้นและปรับปรุงการนอนหลับของคุณได้ ในกรณีอื่นๆ อาจจำเป็นต้องใช้การรักษาเฉพาะทางมากขึ้น สิ่งสำคัญคือการระบุสาเหตุของปัญหาด้านการนอนหลับและแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ
😴การสร้างกิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอ
กิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอจะส่งสัญญาณไปยังร่างกายและจิตใจของคุณว่าถึงเวลาเข้านอนแล้ว กิจวัตรนี้อาจประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ส่งเสริมการผ่อนคลายและเตรียมคุณให้พร้อมสำหรับการนอนหลับ สิ่งสำคัญคือการเลือกกิจกรรมที่คุณรู้สึกสนุกและช่วยให้คุณผ่อนคลาย
กิจวัตรก่อนนอนของคุณอาจได้แก่ การอาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงผ่อนคลาย หรือฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย กิจกรรมที่คุณเลือกมีความสำคัญน้อยกว่าความสม่ำเสมอของกิจวัตร การทำกิจกรรมเดียวกันทุกคืนจะช่วยเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมเหล่านี้กับการนอนหลับ
ตั้งเป้าหมายให้เริ่มกิจวัตรก่อนนอนในเวลาเดียวกันทุกคืน แม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ ความสม่ำเสมอนี้จะช่วยควบคุมจังหวะการทำงานของร่างกายและทำให้หลับได้ง่ายขึ้นและหลับสนิทขึ้น กิจวัตรก่อนนอนที่จัดทำขึ้นอย่างดีสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับของคุณได้
💡หากตื่นขึ้นมา ให้สงบสติอารมณ์ไว้
การตื่นกลางดึกสั้นๆ ถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคืออย่าตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลว่าตัวเองจะตื่นแล้ว หากคุณตื่นขึ้น ให้พยายามสงบสติอารมณ์และหลีกเลี่ยงการดูนาฬิกา ยิ่งคุณกังวลเกี่ยวกับการตื่นมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งกลับไปนอนหลับได้ยากขึ้นเท่านั้น
ลองฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจเข้าลึกๆ หรือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน จดจ่อกับการหายใจและปล่อยให้ร่างกายผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการลุกจากเตียง เว้นแต่ว่าคุณจะตื่นอยู่เป็นเวลานานพอสมควร (เช่น 20-30 นาที)
หากคุณลุกจากเตียง ให้หลีกเลี่ยงการเปิดไฟสว่างจ้าหรือทำกิจกรรมที่กระตุ้นอารมณ์ แต่ควรอ่านหนังสือหรือฟังเพลงผ่อนคลายในห้องที่มีแสงสลัวแทน เมื่อคุณรู้สึกง่วง ให้กลับเข้านอนและพยายามนอนหลับต่อ
🌱ความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญ
อย่าลืมว่าการสร้างกิจวัตรประจำวันที่เอื้อต่อการนอนต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ อย่าท้อถอยหากคุณไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที ยึดมั่นกับกิจวัตรประจำวันของคุณ และอดทนกับตัวเอง เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของคุณจะปรับตัว และคุณมีแนวโน้มที่จะพบว่าคุณภาพการนอนหลับของคุณดีขึ้นและตื่นกลางดึกน้อยลง
ลองใช้วิธีต่างๆ ที่หลากหลายแล้วค้นหาวิธีที่เหมาะกับคุณที่สุด ทุกคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้นวิธีที่ได้ผลกับคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนก็ได้ ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณตามความจำเป็นเพื่อให้คุณนอนหลับได้เต็มอิ่มที่สุด
การให้ความสำคัญกับการนอนหลับถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของคุณ การสร้างกิจวัตรประจำวันที่เอื้อต่อการนอนหลับและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คุณภาพการนอนหลับของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นและมีพลัง
📊ติดตามความคืบหน้าของคุณ
การจดบันทึกการนอนหลับอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการระบุรูปแบบและปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณ จดเวลาที่คุณเข้านอน เวลาที่คุณตื่น จำนวนครั้งที่คุณตื่นกลางดึก และปัจจัยใดๆ ที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับของคุณ เช่น ระดับความเครียดหรือการรับประทานอาหาร
การวิเคราะห์บันทึกการนอนหลับของคุณสามารถเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ผลและไม่ได้ผล คุณอาจพบว่าอาหารหรือกิจกรรมบางอย่างรบกวนการนอนหลับของคุณ หรือคุณอาจนอนหลับได้ดีขึ้นในบางวันของสัปดาห์ ใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับแต่งกิจวัตรประจำวันของคุณและเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับของคุณ
นอกจากนี้ยังมีแอปและอุปกรณ์ติดตามการนอนหลับมากมายที่สามารถช่วยคุณตรวจสอบรูปแบบการนอนหลับของคุณได้ เครื่องมือเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับระยะเวลาในการนอนหลับ ระยะการนอนหลับ และคุณภาพการนอนหลับของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นแนวทาง ไม่ใช่มุ่งเน้นที่ข้อมูลมากเกินไป
คำถามที่พบบ่อย
กิจวัตรประจำวันที่เป็นมิตรต่อการนอนหลับคืออะไร?
กิจวัตรประจำวันที่ส่งเสริมการนอนหลับคือชุดของนิสัยและแนวทางปฏิบัติที่สม่ำเสมอที่คุณนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพดีขึ้นและลดการตื่นกลางดึก ซึ่งรวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การรักษาตารางการนอนที่สม่ำเสมอ การปรับสภาพแวดล้อมการนอนให้เหมาะสม การจัดการอาหารและน้ำ การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย และการจำกัดเวลาการใช้หน้าจอก่อนเข้านอน
ฉันจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมการนอนหลับของฉันได้อย่างไร
เพื่อให้สภาพแวดล้อมในการนอนหลับของคุณเหมาะสมที่สุด ควรเลือกห้องนอนที่มืด เงียบ และเย็น ใช้ผ้าม่านหรือมู่ลี่ทึบแสงเพื่อปิดกั้นแสงจากภายนอก ลองใช้ที่อุดหูหรือเครื่องสร้างเสียงสีขาวเพื่อกลบเสียงรบกวน และรักษาอุณหภูมิที่สบายระหว่าง 15-19 องศาเซลเซียส (60-67 องศาฟาเรนไฮต์) ลงทุนซื้อที่นอน หมอน และเครื่องนอนที่สบายเพื่อรองรับร่างกายของคุณและส่งเสริมการผ่อนคลาย
ฉันควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มอะไรบ้างก่อนนอน?
หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้คุณนอนไม่หลับ ในขณะที่แอลกอฮอล์อาจรบกวนการนอนหลับในช่วงดึกได้ จำกัดการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตแปรรูป เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนจนทำให้ตื่นกลางดึกได้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนเข้านอน
ฉันสามารถใช้เทคนิคการผ่อนคลายแบบใดเพื่อปรับปรุงการนอนหลับของฉันได้บ้าง?
ลองฝึกหายใจเข้าลึกๆ ทำสมาธิ หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน การหายใจเข้าลึกๆ เกี่ยวข้องกับการหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ เพื่อสงบระบบประสาท การทำสมาธิสามารถช่วยให้จิตใจสงบและลดความคิดที่พลุ่งพล่านได้ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วนเกี่ยวข้องกับการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อกลุ่มต่างๆ เพื่อบรรเทาความตึงเครียด ลองอาบน้ำอุ่นหรืออาบน้ำก่อนนอน
เหตุใดการจำกัดเวลาหน้าจอก่อนนอนจึงมีความสำคัญ?
แสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ อาจรบกวนการผลิตเมลาโทนินและรบกวนการนอนหลับ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อยหนึ่งหรือสองชั่วโมงก่อนเข้านอน หากคุณต้องใช้หน้าจอ ให้พิจารณาใช้ฟิลเตอร์แสงสีฟ้าหรือแอปที่ช่วยลดปริมาณแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมา