การเป็นแม่เป็นการเดินทางที่สวยงาม แต่บ่อยครั้งที่ต้องเผชิญกับความเครียดมากมาย การดูแลลูก ความรับผิดชอบในบ้าน และบางทีก็อาจรวมถึงอาชีพการงาน อาจทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้าและเหนื่อยล้า โชคดีที่การนำกิจกรรมผ่อนคลาย ง่ายๆ มาใช้ในชีวิตประจำวันสามารถลดระดับความเครียดได้อย่างมาก และช่วยให้คุณมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณสงบสติอารมณ์ท่ามกลางความวุ่นวายได้
ทำความเข้าใจความเครียดในการเป็นแม่
แรงกดดันที่แม่ต้องเผชิญมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการนอนไม่พอ การเรียกร้องเวลาอย่างต่อเนื่อง และภาระทางอารมณ์ในการดูแลลูก ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง การรับรู้สัญญาณของความเครียดถือเป็นก้าวแรกในการจัดการกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
อาการทั่วไปของความเครียด ได้แก่ หงุดหงิด อ่อนล้า ไม่มีสมาธิ ปวดหัว และกล้ามเนื้อตึง การเพิกเฉยต่ออาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะหมดไฟและปัญหาสุขภาพอื่นๆ การให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิต
การใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในแต่ละวันเพื่อผ่อนคลายร่างกายก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก การออกกำลังกายเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการตอบสนองการผ่อนคลายของร่างกาย โดยต่อต้านผลของฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอลและอะดรีนาลีน
การหายใจเพื่อความสงบทันที
การหายใจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดการความเครียด เนื่องจากสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา การโฟกัสที่การหายใจจะช่วยให้คุณมีสมาธิกับช่วงเวลาปัจจุบัน ลดความคิดที่พลุ่งพล่านและความวิตกกังวล เทคนิคการหายใจหลายๆ อย่างอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
การหายใจด้วยกระบังลม (การหายใจด้วยหน้าท้อง)
เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการหายใจเข้าลึกๆ จากกะบังลม ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ปอด วิธีนี้จะช่วยผ่อนคลายโดยทำให้หัวใจเต้นช้าลงและลดความดันโลหิต การกระทำง่ายๆ นี้สามารถช่วยให้มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น
- นอนหงายโดยงอเข่า หรือไม่ก็นั่งสบายๆ บนเก้าอี้
- วางมือข้างหนึ่งไว้บนหน้าอกและอีกข้างหนึ่งไว้บนท้อง
- หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ โดยให้หน้าท้องของคุณยกขึ้นในขณะที่หน้าอกยังคงนิ่งอยู่
- หายใจออกทางปากอย่างช้าๆ โดยให้หน้าท้องยุบลง
- ทำซ้ำเป็นเวลา 5-10 นาที โดยเน้นที่ความรู้สึกของลมหายใจ
การหายใจแบบกล่อง
การหายใจแบบกล่องหรือที่เรียกว่าการหายใจแบบสี่เหลี่ยม เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการทำให้ระบบประสาทสงบลง โดยการหายใจเข้า กลั้นหายใจ หายใจออก และกลั้นหายใจอีกครั้งเป็นช่วงเวลาเท่าๆ กัน รูปแบบจังหวะนี้จะช่วยควบคุมการหายใจและลดความวิตกกังวลได้
- นั่งสบาย ๆ หลังตรง
- หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ นับ 1 ถึง 4
- กลั้นลมหายใจไว้โดยนับถึงสี่
- หายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1 ถึง 4
- กลั้นลมหายใจอีกครั้งโดยนับถึงสี่
- ทำซ้ำเป็นเวลา 5-10 นาที
การหายใจทางรูจมูกสำรอง (นาทิ โศธนา)
เทคนิคการหายใจแบบโยคะนี้ช่วยปรับสมดุลของสมองซีกซ้ายและขวา ช่วยให้รู้สึกสงบและแจ่มใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความวิตกกังวลและเพิ่มสมาธิได้เป็นอย่างดี ถือเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการทำให้ตัวเองมีสมาธิ
- นั่งสบาย ๆ หลังตรง
- ปิดรูจมูกขวาของคุณด้วยนิ้วหัวแม่มือขวา
- หายใจเข้าช้าๆ ผ่านรูจมูกซ้ายของคุณ
- ปิดรูจมูกซ้ายของคุณด้วยนิ้วนางขวา และปล่อยนิ้วหัวแม่มือขวา
- หายใจออกช้าๆ ผ่านรูจมูกขวาของคุณ
- หายใจเข้าทางรูจมูกขวาของคุณ
- ปิดรูจมูกขวาของคุณด้วยนิ้วหัวแม่มือขวา และปล่อยนิ้วนางขวาของคุณ
- หายใจออกทางรูจมูกซ้าย
- ทำซ้ำเป็นเวลา 5-10 นาที
การฝึกสติและการทำสมาธิเพื่อความสงบภายใน
การมีสติหมายถึงการใส่ใจกับช่วงเวลาปัจจุบันโดยไม่ตัดสิน การทำสมาธิเป็นการฝึกสติ ช่วยให้คุณตระหนักรู้ถึงความคิดและความรู้สึกของคุณมากขึ้นโดยไม่ปล่อยให้มันครอบงำคุณ การฝึกสติช่วยส่งเสริมการควบคุมอารมณ์
การทำสมาธิสแกนร่างกาย
เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างความตระหนักรู้ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยสังเกตความรู้สึกต่างๆ โดยไม่ตัดสิน ช่วยคลายความตึงเครียดและส่งเสริมการผ่อนคลาย สามารถทำได้โดยนอนราบหรือนั่งสบายๆ
- นอนหงายโดยวางแขนไว้ข้างลำตัวและให้ฝ่ามือหงายขึ้น
- หลับตาและหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง
- ให้ความสนใจไปที่นิ้วเท้าของคุณ สังเกตความรู้สึกต่างๆ เช่น ความรู้สึกเสียวซ่า ความอบอุ่น หรือความกดดัน
- ค่อยๆ ขยับความสนใจของคุณขึ้นไปตามร่างกาย โดยโฟกัสไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกายตามลำดับ ได้แก่ เท้า ข้อเท้า น่อง เข่า ต้นขา สะโพก หน้าท้อง หน้าอก หลัง ไหล่ แขน มือ คอ ใบหน้า และศีรษะ
- หากคุณรู้สึกถึงความตึงเครียดหรือความไม่สบายใจใดๆ เพียงยอมรับมันและหายใจเข้าไป
- ดำเนินการต่อประมาณ 10-15 นาที
การทำสมาธิแบบมีคำแนะนำ
การทำสมาธิแบบมีไกด์คือการฟังเสียงที่บันทึกเพื่อแนะนำคุณตลอดการฝึกผ่อนคลายหรือการสร้างภาพ การฟังเสียงเหล่านี้สามารถเป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการเรียนรู้การทำสมาธิและทำให้การปฏิบัติของคุณมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น แอปและแหล่งข้อมูลออนไลน์จำนวนมากเสนอการทำสมาธิแบบมีไกด์เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
- หาสถานที่เงียบสงบที่คุณจะไม่ถูกรบกวน
- นั่งหรือนอนได้ตามสบาย
- ใส่หูฟังและฟังการทำสมาธิแบบมีคำนำทาง
- ปฏิบัติตามคำแนะนำและปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย
- ดำเนินการต่อประมาณ 10-20 นาที
การตระหนักรู้ถึงกิจกรรมประจำวัน
คุณสามารถฝึกสติในระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ล้างจาน อาบน้ำ หรือรับประทานอาหาร เพียงแค่จดจ่อกับกิจกรรมนั้นๆ อย่างเต็มที่ สังเกตความรู้สึก กลิ่น และรสชาติที่เกี่ยวข้อง การทำเช่นนี้จะเปลี่ยนงานธรรมดาๆ ให้กลายเป็นโอกาสในการผ่อนคลาย
- เลือกกิจกรรมที่คุณทำเป็นประจำ
- ก่อนที่คุณจะเริ่มต้น ให้หายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง และตั้งใจที่จะอยู่กับปัจจุบัน
- ขณะที่คุณทำกิจกรรม ให้ใส่ใจกับความรู้สึกที่เกี่ยวข้อง
- หากคุณเผลอไผล ให้ค่อยๆ เปลี่ยนความสนใจกลับมาที่กิจกรรมนั้นอีกครั้ง
- ดำเนินการต่อไปตามที่คุณต้องการ
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบก้าวหน้า (PMR)
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วนเกี่ยวข้องกับการเกร็งและคลายกลุ่มกล้ามเนื้อต่างๆ ในร่างกาย เทคนิคนี้จะช่วยคลายความตึงเครียดทางร่างกายและส่งเสริมการผ่อนคลาย ซึ่งอาจช่วยลดความวิตกกังวลและปรับปรุงการนอนหลับได้เป็นอย่างดี
- นอนหงายโดยวางแขนไว้ข้างลำตัวและให้ฝ่ามือหงายขึ้น
- หลับตาและหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง
- โฟกัสที่มือขวาของคุณและกำมือโดยเกร็งกล้ามเนื้อในมือและปลายแขน
- ค้างแรงตึงไว้ 5-10 วินาที
- ปล่อยความตึงเครียดและสังเกตความรู้สึกผ่อนคลาย
- ทำซ้ำกับมือซ้ายของคุณ
- เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ในร่างกาย เช่น แขน ไหล่ ใบหน้า คอ หน้าอก ท้อง ขา และเท้า ต่อไป
- ดำเนินการต่อประมาณ 15-20 นาที
การสร้างภาพเพื่อการผ่อนคลายความเครียด
การสร้างภาพจินตนาการเป็นการใช้จินตนาการของคุณเพื่อสร้างฉากที่สงบและผ่อนคลายในใจของคุณ เทคนิคนี้ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลโดยเปลี่ยนความสนใจของคุณจากความคิดและความรู้สึกเชิงลบ เทคนิคนี้สามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการผ่อนคลายและความเป็นอยู่ที่ดี
- หาสถานที่เงียบสงบที่คุณจะไม่ถูกรบกวน
- นั่งหรือนอนได้ตามสบาย
- หลับตาและหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง
- ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบ ผ่อนคลาย เช่น ชายหาด ป่าไม้ หรือทุ่งหญ้าบนภูเขา
- ใช้ประสาทสัมผัสของคุณโดยสังเกตภาพ เสียง กลิ่น รสชาติ และพื้นผิวของสภาพแวดล้อมของคุณ
- อนุญาตให้ตัวเองผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับความสงบและความเงียบสงบของฉากในจินตนาการของคุณ
- ดำเนินการต่อประมาณ 10-20 นาที
การสร้างกิจวัตรการผ่อนคลาย
ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลาย พยายามนำเทคนิคเหล่านี้มาใช้ในกิจวัตรประจำวันของคุณ แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะพบว่าการฝึกปฏิบัติเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการลดความเครียดและปรับปรุงสุขภาพโดยรวมของคุณ เริ่มต้นอย่างช้าๆ และเพิ่มปริมาณจากตรงนั้น
ระบุช่วงเวลาระหว่างวันเมื่อคุณรู้สึกเครียดหรือรับมือไม่ไหว นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการฝึกผ่อนคลาย ตัวอย่างเช่น คุณอาจลองทำแบบฝึกหัดการหายใจก่อนเริ่มวันทำงาน หรือทำสมาธิสแกนร่างกายก่อนเข้านอน แม้แต่การพักสั้นๆ ก็สามารถช่วยได้
ลองใช้วิธีต่างๆ เพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะกับคุณที่สุด บางคนชอบฝึกหายใจ ในขณะที่บางคนชอบการทำสมาธิหรือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อมากกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการค้นหาวิธีปฏิบัติที่คุณชอบและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย อย่าลืมอดทนกับตัวเอง
ความสำคัญของการดูแลตนเอง
การออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเอง นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้คุณมีความสุขและช่วยเติมพลังให้คุณ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรัก ทำกิจกรรมอดิเรก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และออกกำลังกายเป็นประจำ การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นสิ่งจำเป็น
จัดทำรายการกิจกรรมที่คุณชอบและช่วยให้คุณผ่อนคลาย จัดตารางเวลาสำหรับกิจกรรมเหล่านี้ในปฏิทินของคุณ เช่นเดียวกับการนัดหมายสำคัญอื่นๆ ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเอาใจใส่และความเห็นอกเห็นใจเช่นเดียวกับที่คุณมอบให้ผู้อื่น คุณสมควรได้รับสิ่งนี้
จำไว้ว่าคุณไม่สามารถรินของจากแก้วที่ว่างเปล่าได้ การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะเป็นได้ การให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองจะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับความท้าทายของการเป็นแม่และเพลิดเพลินไปกับการเดินทางระหว่างทาง สัมผัสพลังแห่งการผ่อนคลาย
กำลังมองหาความช่วยเหลือจากมืออาชีพ
หากคุณประสบปัญหาในการจัดการความเครียดด้วยตนเอง อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ นักบำบัดหรือที่ปรึกษาสามารถให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่คุณ และสามารถช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์ในการรับมือกับความเครียดและความวิตกกังวลได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ
นักบำบัดหลายคนมีความเชี่ยวชาญด้านการทำงานร่วมกับคุณแม่ และสามารถให้การสนับสนุนเฉพาะบุคคลแก่คุณได้ พวกเขาสามารถช่วยคุณระบุแหล่งที่มาของความเครียด พัฒนากลไกการรับมือที่เหมาะสม และปรับปรุงความเป็นอยู่โดยรวมของคุณให้ดีขึ้น จำไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว
การดูแลสุขภาพจิตมีความสำคัญพอๆ กับการดูแลสุขภาพกาย หากคุณรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือหดหู่ใจ โปรดติดต่อขอความช่วยเหลือ มีแหล่งข้อมูลมากมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลือคุณ ความเป็นอยู่ที่ดีของคุณมีความสำคัญ
บทสรุป
การนำการออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลายมาใช้ในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการความเครียดและปรับปรุงความเป็นอยู่โดยรวมของคุณในฐานะแม่ การฝึกหายใจ การฝึกสติ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน และการสร้างภาพตามจินตนาการ จะช่วยให้คุณมีความสงบและสันติท่ามกลางความวุ่นวายของการเป็นแม่ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองเป็นอันดับแรกและขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณกำลังประสบปัญหา คุณสมควรที่จะรู้สึกมีความสุข มีสุขภาพดี และสมหวัง
คำถามที่พบบ่อย – การออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายสำหรับคุณแม่
การฝึกหายใจอย่างรวดเร็ว เช่น การหายใจแบบกระบังลมหรือการหายใจแบบกล่อง เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณแม่ที่ยุ่งวุ่นวาย การฝึกสติเพียง 5 นาทีหรือการทำสมาธิแบบมีคำแนะนำสั้นๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก
ตั้งเป้าหมายให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 10-15 นาทีต่อวัน แต่การออกกำลังกายที่สั้นกว่านั้นก็อาจเป็นประโยชน์ได้ ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ควรหาตารางออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณและปฏิบัติตามให้ได้มากที่สุด
ใช่ การออกกำลังกายแบบผ่อนคลายสามารถลดความเครียดได้อย่างมากด้วยการกระตุ้นการตอบสนองต่อการผ่อนคลายของร่างกาย ลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต และลดการผลิตฮอร์โมนความเครียด
เป็นเรื่องปกติที่จะพบว่าการผ่อนคลายเป็นเรื่องยากในตอนแรก อดทนกับตัวเองและฝึกฝนต่อไป ทดลองใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะกับคุณที่สุด หากคุณยังคงประสบปัญหาอยู่ ให้ลองขอคำแนะนำจากนักบำบัดหรือที่ปรึกษา
ใช่ มีแอพมากมายที่ให้คำแนะนำการทำสมาธิ การหายใจ และเทคนิคการผ่อนคลายอื่นๆ ตัวเลือกยอดนิยมได้แก่ Headspace, Calm และ Insight Timer